พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ เหวินซูผู่ซ่า

พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ เหวินซูผู่ซ่า 文殊菩萨 หรือบุ่งซู๊ผ่อสัก เป็นพระโพธิสัตว์ฝ่ายปัญญาและมีหน้าที่คุ้มครองนักปราชญ์

พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ มีประวัติความเป็นมาหลากหลายตำนาน บ้างก็ว่า ท่านเคยเป็นพระอาจารย์ของพระพุทธเจ้า บ้างก็ว่า พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ ถือกำเนิดในแคว้นแห่งหนึ่งของอินเดีย ภายหลังพระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ ก็ออกบวชเป็นพระพุทธสาวกในพุทธศาสนา

พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ ทรงเป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระศากยมุนีพุทธเจ้า มักปรากฏคู่กับแ ซึ่งเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา โดยพระมัญชุศรีอยู่บนสิงโตเขียวส่วนพระสมันตภัทรอยู่บนช้างสีขาว

ในคตินิยมทางพุทธศิลป์ นิยมสร้างประติมากรรมหรือจิตรกรรมรูปพระศากยมุนีพุทธเจ้า พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ และพระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ สามพระองค์ เรียกว่า ฮั่วเหยียนซานเซิ่ง 华严三圣

This image has an empty alt attribute; its file name is y4me6lpXhj3VqOyUGI1qjDdZr6fW6QXR2WI6wUjFLExwgfYBotvSuEWHIZaARv1PFgLvP-QQTAftkA7HpfOZlFijL19vMUqJwkYjLF2-IYYalEnvjMwZETiCs1s0CozqMdsPclqCbViUPFSfJ379NSpzwNlZp_qi-TLpKxeI9phiDlsNerLJCYj4NR3Shgdy_rHA4_kkWhF2_qBGkBysoAn7Q
ฮั่วเหยียนซานเซิ่ง 华严三圣

วันคล้ายวันสมภพของพระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ คือวันที่ 4 เดือน 4 ตามปฏิทินจีน

ชาวจีนส่วนใหญ่นิยมเรียกพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ว่าเหวินซูผูซ่า อันเป็นการเรียกแบบแปลความหมายของพระนาม ไม่ใช่การเรียกทับศัพท์ เหวิน 文 หมายถึง อักษร หรือ หนังสือ ส่วน ซู 殊 หมายถึง พิเศษหรือสิ่งอัศจรรย์ พระองค์ทรงเป็นตัวแทนแห่งปัญญาและความคิดอันปราดเปรื่อง

ส่วนพระนามของพระองค์ ม่านซู 曼殊 มาจากภาษาสันสกฤตว่า มัญชุ (Manju) แปลว่า ไพเราะ, อ่อนหวาน
ส่วนคำว่า ซือลี่ 师利/室利 มาจากภาษาสันสกฤต ศรี (Sri) แปลว่า มงคล, รุ่งเรือง

พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ จึงหมายถึงพระโพธิสัตว์แห่งความรุ่งเรืองและอ่อนโยน หรือ พระโพธิสัตว์แห่งความไพเราะทรงเป็นตัวแทนของปัญญาบารมี และเชื่อกันว่า พระองค์จะคอยคุ้มครองพิทักษ์นักปราชญ์และผู้มีปัญญาความรู้ให้เจริญก้าวหน้า

พุทธลักษณะของพระองค์นั้นจะสร้างแตกต่างกันตามคติความเชื่อของแต่ละท้องถิ่นและแต่ละชนชาติ

ในคติแบบจีนนั้น บ้างสร้างให้พระองค์ถือหยกหรูอี้ 如意 ไว้ในพระหัตถ์ซ้าย ฝ่าพระหัตถ์ขวายกขึ้นประทานพร เป็นความหมายถึงการมอบความสุขสมหวังประทานให้

อีกแบบหนึ่งนั้น จะสร้างให้พระหัตถ์ข้างขวาถือไว้ด้วย กระบี่ หรือ พระขรรค์ สัญลักษณ์แห่งการตัดทิ้งอวิชชา และนิวรณ์ทั้ง 5 อันได้แก่
๑. กามฉันทะ (พอใจในกาม)
๒. พยาบาท (คิดร้าย)
๓. ถีนมิทธะ (หดหู่เซื่องซึม)
๔. อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่าน)
๕. กุกกุจจะ (ความกระวนกระวายใจ)

เป็นปริศนาธรรมที่แฝงถึง การมีปัญญาเป็นดั่งอาวุธ ในขณะที่พระหัตถ์ซ้ายจะประคองถือคัมภีร์ มหาปรัชญาปารมิตาสูตร หรือ พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่ามุทรา เหนือพระเศียรทรงเทริด “มหาโพธิชญาณมงกุฏ” เป็นรูปบัว 5 กลีบเรียงกัน โดยมี พระอักโษภยะพุทธเจ้า อยู่เหนือมงกุฎนั้น.

หรือบางความเชื่อสร้างเป็นรูปดอกบัว อันเป็นความหมายแห่งบุญญาบารมีหรือความรู้แห่งตน

นอกจากนี้ หลายครั้งที่มักเห็นสัญลักษณ์รูปพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ เหวินซูผูซ่า ประทับนั่งบนหลังราชสีห์สีน้ำเงิน หรือสีเขียว มีความหมายถึง ความเป็นเลิศแห่งปัญญาและการแสดงธรรมโดยไม่หวาดเกรงต่อผู้ใด

ราชสีห์นั้นเป็นตัวแทนแห่งอำนาจและความยิ่งใหญ่ มีความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว อีกทั้งเสียงคำรามนั้นนอกจากจะเป็นที่หวาดเกรงต่อหมู่มารแล้ว ยังเป็นเสมือนการประกาศพระศาสนาออกไปไกลแสนไกลดั่งเสียงคำรามก้องของราชสีห์ เพื่อให้ชาวโลกตื่นขึ้นจากความเขลา

ในทิเบตให้ความสำคัญและยกย่องนับถือในองค์พระมัญชุศรีโพธิสัตว์เป็นอย่างมาก รวมทั้งในอินเดีย เนปาล ภูฏาน

นอกจากนี้ ในสมัยโบราณนั้น นูรฮาจี (Nurhaji) ผู้นำแห่งชนเผ่าหนี่เจิน หรือจูเชิน(Jurchen) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เป็นผู้หนึ่งที่ให้ความศรัทธาในองค์พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ต่อมา นูรฮาจี ยกกำลังกองทัพของตนเข้าพิชิตราชวงศ์หมิงลงได้ พระองค์ได้ประกาศสถาปนาราชวงศ์ชิงขึ้นแทนที่ และประกาศเปลี่ยนชื่อเรียกชนเผ่าของตนจากคำว่า “หนี่เจิน” มาเป็น “แมนจู” (Manchu) ซึ่งคำว่า “แมนจู”นั้น ออกเสียงมาจากคำว่า “มัญชุ” นั่นเอง

ในประเทศจีนเชื่อกันว่า พระมัญชุศรีโพธิสัตว์สถิตอยู่ ณ เทือกเขาอู่ไถซาน 五台山 หรือชื่อเดิมของภูเขาคือ ชิงเหลียงซาน 清凉山 เทือกเขานี้ตั้งอยู่ในเขตมณฑลซานซี ซึ่งเป็นหนึ่งใน 4 ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน

กล่าวกันว่า ณ เทือกเขาศักดิ์สิทธิ์อู่ไถซาน จะประกอบขึ้นด้วย 5 ยอดดอย อันได้แก่ อวั้งไห่เฟิง, กั้วเยี่ยเฟิง, จิ่นซิ่วเฟิง,เยี่ยโต้วเฟิง และชุ่ยเอี๋ยนเฟิง ซึ่งยอดดอยทั้ง 5 นี้ล้วนแต่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 2,485-3,058 เมตร ปัจจุบันกลายมาเป็นเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งประเทศจีน

อ้างอิงจาก : หนังสือ 108 สิ่งมิ่งมงคลจีน – ปิยะแสง จันทรวงศไพศาล