วันลี่ตง 立冬 ฤดูกาลที่ 19 ใน 24 ฤดูกาลจีน โดยปกติ วันลี่ตงจะอยู่ประมาณวันที่ 7 พฤศจิกายน ของทุกปี
จุดเริ่มต้นฤดูหนาว
คนจีนในสมัยโบราณ ถือว่าวันลี่ตงคือวันเริ่มต้นของฤดูหนาว โดยจีนแบ่งฤดูกาลออกเป็น 4 ฤดูกาลได้แก่
ชุน 春 ฤดูใบไม้ผลิ
เซี่ย 夏 ฤดูร้อน
ชิว 秋 ฤดูใบไม้ร่วง
ตง 冬 ฤดูหนาว
โดยจุดเริ่มต้นของแต่ละฤดู ได้แก่
วันลี่ชุน 立春 จุดเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ
ลี่เซี่ย 立夏 จุดเริ่มต้นฤดูร้อน
ลี่ชิว 立秋 จุดเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง และ
ลี่ตง 立冬 จุดเริ่มต้นฤดูหนาว
ถึงแม้ว่าสภาพอากาศที่แท้จริงในประเทศจีนนั้น อาจจะยังไม่เข้าสู่ฤดูหนาว เนื่องจากแผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ จุดเริ่มต้นของฤดูหนาวที่แท้จริงต้องขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ แต่ก็ถือได้ว่า วันลี่ตง คือ จุดเริ่มต้นฤดูหนาวตามความเชื่อของคนจีน
ปรากฏการณ์สามระยะของวันลี่ตง 立冬三侯
หนึ่ง น้ำจับตัวเป็นน้ำแข็ง 一候:水始冰 (Shuǐ Shǐ Bīng)
ในช่วง 5 วันแรกของลี่ตง น้ำจะเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง แต่ยังไม่แข็งแกร่งเป็นก้อนที่แน่นหนา
สอง พื้นดินเริ่มเกิดน้ำแข็ง 二候:地始冻 (Dì Shǐ Dòng)
ในช่วง 5 วันที่สอง พื้นดินจะเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง แต่ยังไม่ถึงขั้นแตกแยกหรือปริร้าว
สามไก่ฟ้ากระโดดลงน้ำกลายเป็นหอยตลับ 三候:雉入大水为蜃 (Zhì Rù Dà Shuǐ Wéi Shèn)
ในช่วง 5 วันสุดท้าย ไก่ฟ้า 雉 จะเริ่มหายากขึ้น ในขณะที่ริมทะเลจะพบเห็น หอยตลับขนาดใหญ่ 蜃 มากขึ้น ซึ่งมีเปลือกที่มีลวดลายและสีสันคล้ายกับไก่ฟ้า
ชาวจีนโบราณเชื่อว่าไก่ฟ้าดำดิ่งลงไปในน้ำแล้วแปรสภาพเป็นหอยตลับในช่วงนี้
ปรากฏการณ์ทั้งสามนี้สะท้อนให้เห็นว่าหลังจากเริ่มต้นฤดูหนาวแล้ว อุณหภูมิจะลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง และธรรมชาติกำลังเข้าสู่สภาวะพักผ่อนและเก็บกักพลังงานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง
การเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าฤดูหนาว
เมื่อถึงต้นฤดูหนาว จักรพรรดิจะทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นชุดฤดูหนาวและพระราชทานเครื่องทรงฤดูหนาวแก่ข้าราชการ บันทึกในคัมภีร์พิธีกรรมบันทึกไว้ว่า “ในเดือนนี้ จักรพรรดิจะเริ่มสวมเสื้อคลุมขนสัตว์”
ยเป่าแห่งราชวงศ์จิ้นตะวันตกยังบันทึกไว้ในบันทึกเกี่ยวกับยุคโบราณและยุคปัจจุบันของพระองค์ว่า
“จักรพรรดิเหวินแห่งฮั่นทรงพระราชทานเครื่องทรงบุนวมแก่ข้าราชบริพารและข้าราชการในพระราชวังในวันเริ่มต้นฤดูหนาว” เครื่องทรงบุนวมเหล่านี้ “ส่วนใหญ่ทำจากผ้าไหมหรือผ้าไหมยกดอกปักห้าสี” และเป็นเครื่องทรงสำหรับใช้ในพิธีกรรมโบราณ
อาหารในวันลี่ตง
ในวันลี่ตง ชาวจีนมีความเชื่อในการบำรุงร่างกาย เพื่อเตรียมรับมือกับความหนาวเย็น อาหารที่นิยมรับประทานมักเป็นอาหารที่ให้พลังงานและความอบอุ่น ซึ่งแตกต่างกันไปตามภูมิภาค โดยทางภาคเหนือของจีนนิยมกินเกี๊ยว ส่วนทางใต้ของจีนเนื้อไก่ เนื้อเป็ด และเนื้อปลา 北方有吃饺子的传统,南方爱吃鸡鸭鱼肉
ภาคเหนือของจีน: นิยมรับประทาน เกี๊ยว 饺子 เชื่อกันว่าการกินเกี๊ยวในวันนี้จะช่วยให้ไม่หนาวจนหูแข็ง (เพราะเกี๊ยวมีรูปร่างคล้ายหู)
ภาคใต้ของจีน: ครอบครัวจะรวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารมื้อพิเศษเพื่อบำรุงร่างกายและไหว้บรรพบุรุษ บางพื้นที่นิยมกิน ไก่ หรือ เป็ด ที่ปรุงด้วยสมุนไพร
กินเกี๊ยว 饺子
ในยุคปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก มีตำนานเกี่ยวกับ จางจ้งจิ่ง 张仲景 แพทย์ผู้ใจบุญที่สามารถช่วยชีวิตคนในเมืองเหอหนานจากโรคระบาดในช่วงต้นฤดูหนาว เขาได้ผสมเนื้อสัตว์ผสมกับสมุนไพรและพริกไทยซึ่งช่วยเพิ่มความร้อนให้ร่างกาย แล้วนำไปห่อใส่แป้งนำไปนึ่ง เสร็จแล้วนำไปแจกจ่ายให้ชาวบ้าน จนอาหารชนิดนี้กลายเป็นที่รู้จักในชื่อ เกี๊ยว จนถึงปัจจุบัน
เนื้อสัตว์ตุ๋นสมุนไพร
ในบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของจีน บริเวณมณฑลฝูเจี้ยน กวางตุ้ง ไต้หวัน มีการตุ๋นเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อวัว เนื้อแกะ หรือเนื้อปลากับสมุนไพร เพื่อบำรุงร่างกาย

ในกรุงปักกิ่งโบราณ ในสมัยราชวงศ์ชิง ผู้คนจะรับประทานเนื้อแกะตุ๋นไฟในวันลี่ตง (วันเริ่มต้นฤดูหนาว) เนื้อแกะซึ่งมีคุณสมบัติให้ความอบอุ่นและบำรุงร่างกาย สามารถช่วยต้านทานความหนาวเย็นในฤดูหนาวได้ ต่อมาประเพณีนี้ก็ได้รับความนิยมในหมู่คนทั่วไป เมื่อรับประทานเนื้อแกะตุ๋นไฟ ยังสามารถเพิ่มผักบางชนิด เช่น ผักโขม กะหล่ำปลี เห็ดเข็มทอง เห็ด และรากบัว เพื่อช่วยปรับสมดุลความร้อนและความชื้นของเนื้อแกะ
กินฟักทอง

ในเมืองเทียนจิน และทางภาคเหนือของจีน นิยมกินเกี๊ยวห่อด้วยฟักทอง
ขนมถวนจื่อ 团子
ถวนจื่อ 团子 เป็นขนมทำจากข้าว คล้าย ๆ ขนมโมจิ ที่คนไทยรู้จัก ในช่วงวันต้นฤดูหนาว พืชพรรณธัญญาหารต่าง ๆ ได้เก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว ดังนั้นการทำถวนจื่อด้วยวัตถุดิบใหม่ ๆ จึงยิ่งทำให้ถวนจื่ออร่อยขึ้น ชาวจีนในเมืองอู๋ซีนิยมกินถวนจื่อในวันลี่ตง
ติดตามเรื่องเล่าจีนได้ทางช่อง Chinatalks และ Fanpage Chinatalks
