ใช้ขวานต่อหน้าหลู่ปัน 班门弄斧

หลู่ปัน มีนามเดิมว่า กงซูปัน เป็นชาวแคว้นหลู่ มีฝีมือในงานก่อสร้างที่ใช้ฝีมือ จนผู้คนยกย่องให้เป็นเทพประจำอาชีพช่างไม้ ช่างปูน งานก่อสร้างรวมทั้งงานวิศวกรรม สถาปัตยกรรม

หลู่ปันเติบโตขึ้นมาในครอบครัวช่างไม้ ทั้งยังได้ศึกษาวิชาช่างกับอาจารย์ที่มีฝีมือ ด้วยพรสวรรค์และความพากเพียร เขาได้สั่งสมประสบการณ์งานช่างจนชำนาญ ฝีมือเป็นหนึ่งในแผ่นดิน

ในสมัย 450 ปีก่อนคริสตกาล หลู่ปันเคยเดินทางออกจากแคว้นหลู่ เพื่อไปรับจ้างแคว้นฉู่ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหาร เช่น บันไดปีนค่าย เพื่อเตรียมทำสงครามกับแคว้นอื่น

ม่อจื้อ ปราชญ์อีกท่าน ได้ชี้แนะหลู่ปันว่า เมื่อเขามีฝีด้านงานช่าง จึงควรใช้ฝีมือนี้สร้างประโยชน์ต่อบ้านเมือง มากกว่าสร้างเครื่องมือในการทำลายล้างทางสงคราม หลู่ปันจึงเลิกประดิษฐ์อาวุธ แล้วหันไปประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องไม้ด้านงานช่างแทน

เล่ากันว่า ตลอดช่วงชีวิตของหลู่ปัน เขาได้ประดิษฐ์เครื่องมือที่เป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังหลายชนิด เช่น กบไสไม้ แม่กุญแจที่ต้องใช้ลูกกุญแจเฉพาะไข เป็นต้น

มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งเจ้าแคว้นหลู่ประสงค์ให้หลู่ปันก่อสร้างพระราชวังแห่งใหม่โดยให้เวลาสร้าง 3 ปี ทว่าไม้ที่ต้องนำมาสร้างนั้นอยู่บนเขาที่ห่างไกล ระยะเวลา 3 ปี เพียงกระบวนการตัดไม้ เตรียมไม้เพื่อก่อสร้างอย่างเดียวก็ไม่พอ หลู่ปันจึงวิตกกังวลยิ่งนัก แต่ขณะที่เดินทางไปบนเขาเพื่อตัดไม้นั้น เขาบังเอิญโดนใบหญ้าบางๆ ที่มีลักษณะเป็นฟันซี่เล็ก ๆ บาดมือ จึงจุดความคิดให้เขาประดิษฐ์เลื่อยขึ้นมาเพื่อตัดเตรียมไม้ ซึ่งสามารถประหยัดทั้งเวลาและกำลังคนได้มากโข การสร้างวังจึงประสบผลสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

สำนวน ใช้ขวานต่อหน้าหลู่ปัน เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง โดย หลิ่วจงหยวน ได้ประพันธ์ไว้ในตอนหนึ่งซึ่งแปลใจความได้ว่า “หากใครแสดงทักษะใช้ขวานต่อหน้าหลู่ปัน คนผู้นั้นก็ช่างไร้ยางอายเต็มที” ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นสำนวนเพื่อแสดงความถ่อมตัว ว่าความสามารถของตนเองในด้านใดด้านหนึ่งไม่อาจเทียบเท่ากับผู้ที่มีอาชีพด้านนั้นโดยตรง หรือผู้ที่เชี่ยวชาญในทักษะนั้นอย่างลึกซึ้ง

ต่อมา ในสมัยราชวงศ์หมิง มีปัญญาชนผู้หนึ่ง นามว่า เหมยจือห้วน ได้ดินทางไปยังหาดหินไฉ่ซึเพื่อคารวะสุสานของ หลี่ไป๋ กวีเอกแห่งราชวงศ์ถัง 

เหมยจือห้วน พบว่า บริเวณสุสานของหลี่ไป๋ มีโคลงกลอนของผู้ที่มายืนได้ขีดเขียนไว้บนหิน

ด้วยความขุ่นเคือง เขาจึงเขียนกวีบทหนึ่ง ความว่า

“หนึ่งเนินดินริมสายน้ำ ณ.ไฉ่ซึ คือสุสานแห่งมหากวีหลี่ไป๋ นามของท่านจะโด่งดังเป็นเอกนับพันปี ผู้ผ่านทางเผยอเขียนกวีไว้รำลึก ไยมิใช่ใช้ขวานต่อหน้าปรมาจารย์หลู่ปัน”

ความหมายกวีบทนี้กล่าวว่า หลี่ไป๋เป็นกวีเอกที่มีชื่อเสียง แต่ผู้มาเที่ยวกลับมาขีดเขียนบทกลอนอวดแสดงหน้ากวีชื่อดัง ซึ่งเป็นเรื่องน่าขบขัน เฉกเช่น การใช้ขวานต่อหน้าหลู่ปันน

สำนวน ใช้ขวานต่อหน้าหลู่ปัน มักใช้ อุปมาการแสดงฝีมืออันอ่อนด้อยของตนต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน สอนหนังสือสังฆราช หรือสอนจระเข้ว่ายน้ำ

ที่มา 1