ท้าวจตุโลกบาล หรือ ซื่อต้าจินกัง (四大金刚) บ้างเรียกว่า ท้าวจตุมหาราชา หรือ ซื่อต้าเทียนหวัง (四大天王) เป็นมหาเทพทั้งสี่ผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนา ชาวบ้านมักนิยมเรียกกันว่า “เทพสี่ทิศ” เทพทั้งสี่จะสร้างเป็นประติมากรรมขนาดใหญ่ ประดิษฐานไว้ ณ บริเวณวิหารต้น โดยแยกประดิษฐานอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวา
ตามคติความเชื่อทางพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เชื่อกันว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบหมายให้ท้าวจตุโลกบาลเฝ้ารักษาบริเวณทางลาดไหล่เขา ซวีหมีซาน (须弥山) หรือเขาพระสุเมรุ ไม่เพียงแต่อภิบาลพระพุทธศาสนาเท่านั้นท้าวจตุโลกบาลยังพิทักษ์อาณาจักรหรือประเทศที่ธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา ตลอดจนคอยเฝ้าปกป้องรักษาผู้ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรมให้ประสบความสำเร็จและมีความเจริญรุ่งเรือง ชาวจีนผู้นับถือพระพุทธศาสนาจะให้ความศรัทธาในมหาเทพทั้งสี่ยิ่งนัก และยามใดเมื่อตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากท้าวจตุโลกบาลแล้ว เชื่อกันว่าคำอธิษฐานนั้นจะประสบความสำเร็จ เพราะเทพทั้งสี่ตั้งมั่นอยู่ ณ ทิศทั้งสี่รอบ ๆ ตัว ย่อมต้องคอยพิทักษ์ปกป้องและช่วยเหลือให้คำอธิษฐานนั้นกลายเป็นจริง
ในวัดวาอารามทั่วไป จะต้องประดิษฐานท้าวจตุโลกบาลไว้ ณ วิหารต้น ซึ่งเป็นวิหารแห่งแรกที่ทุกคนที่เข้าสู่บริเวณตัววัดจะต้องผ่านเป็นลำดับแรก ความหมายของท้าวจตุโลกบาลจึงเปรียบประหนึ่งการอารักขาคุ้มครองอาณาบริเวณตัววัดที่อยู่ด้านใน ให้มีความปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง
ในมหาสุวรรณประภาสสูตร (พระสูตรแสงทอง) มีจารึกกล่าวไว้ถึงท้าวจตุโลกบาล อันประกอบด้วย
- ท้าวธตรฐมหาราช หรือ ฉือกว๋อเทียนหวาง(持国天王) ปกครองประจำตำแหน่งทิศตะวันออก คอยพิทักษ์ปกป้องประเทศ สัญลักษณ์ของท่านคือ เครื่องดนตรีผีผา
- ท้าววิรุฬหกมหาราช หรือ เจิงจ่างเทียนหวาง (增长天王) ปกครองประจำตำแหน่งทิศใต้ คอยพิทักษ์ปกป้องพระธรรม สัญลักษณ์ของท่านคือกระบี่วิเศษ
- ท้าววิรูปักษ์มหาราช หรือกว่างมู่เทียนหวาง (广目天王) ปกครองประจำตำแหน่งทิศตะวันตก คอยพิทักษ์ปกป้องประชาราษฏร์ สัญลักษณ์ของท่านคือ มังกรแดง
- ท้าวเวสสุวัณมหาราช(ท้าวกุเวรมหาราช) หรือ ตัวเหวินเทียนหวาง (多闻天王) ปกครองประจำตำแหน่งทิศเหนือ คอยพิทักษ์ปกป้องให้มั่งคั่งร่ำรวย สัญลักษณ์ของท่านคือร่มวิเศษ
การเรียงลำดับข้างต้น เป็นการเรียงตามอาวุโสของมหาเทพทั้งสี่ ในขณะเดียวกัน ชาวจีนยังมีธรรมเนียมพิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ การประดิษฐานของมหาเทพทั้งสี่ให้เรียงกันเป็นวลีมงคล โดยเรียงจาก ท้าววิรุฬหกมหาราช, ท้าวธตรฐมหาราช, ท้าวเวสสุวัณมหาราช และท้าววิรูปักษ์มหาราช
- ท้าววิรุฬหกมหาราช แทนคำว่า เฟิง(风) เพราะในมือทรงถือกระบี่วิเศษสีเขียวอันแหลมคม หรือ ชิงเฟิงเป่าเจี้ยน(青锋宝剑) คำว่า เฟิง(锋) ออกเสียงเหมือนกับ เฟิง (风) ที่แปลว่า ลม
- ท้าวธตรฐมหาราช แทนคำว่า เถียว(调) เพราะในมือทรงถือเครื่องดนตรีจีนที่เรียกกันว่า ผีผา(琵琶) การดีดผีผาจะบังเกิดเสียงดนตรีเป็นท่วงทำนองต่าง ๆ ตรงกับคำว่า เถียว(调) ที่แปลว่า จังหวะทำนอง
- ท้าวเวสสุวัณมหาราช(ท้าวกุเวรมหาราช) แทนคำว่า อวี่(雨) เพราะในมือถือร่มวิเศษ หรือ หุ้นหยวนจูส่าน(混元珠伞) การใช้ร่มเป็นดั่งความหมายเมื่อยามฝนตก ในภาษาจีนนั้น อักษรคำว่า อวี่(雨) จึงแปลว่า ฝน
- ท้าววิรูปักษ์มหาราช แทนคำว่า ซุ่น(顺) เพราะในมือทรงถือไว้ด้วยตัวจิ้งจอกลาย หรือ หูเตียว(狐貂) ซึ่งในสมัยโบราณนั้น สัตว์ตัวนี้จะเรียกว่าตัวเซิ่น และคำว่า เซิ่น (蜃) ออกเสียงคล้ายกับคำว่า ซุ่น(顺) ที่แปลว่าราบรื่น
ดังนั้น เมื่อเรียงตามลำดับตามตัวอักษรแล้วนั้น ก็จะออกเสียงเป็น “วลีมงคล” ในคำว่า เฟิงเถียวอวี่ซุ่น(风调雨顺) ซึ่งหมายถึง สะดวกราบรื่นและสำเร็จดั่งใจหมาย เป็นคำมงคลที่ใช้อำนวยพรให้ประสบกับความสำเร็จในทุกเรื่องทุกประการ ด้วยเหตุนี้ เมื่อยามมอบของขวัญให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด เพื่อขอให้ท่านผู้นั้นพบกับความสำเร็จและมีแต่ความราบรื่น จะต้องมอบประติมากรรมเครื่องเคลือบดินเผาท้าวจตุโลกบาลครบทั้งสี่องค์ดังกล่าว
ท้าวธตรฐมหาราช 持国天王
ท้าวธตรฐมหาราช หรือ ฉือกว๋อเทียนหวาง (持国天王) ปกครองประจำตำแหน่งทิศตะวันออก คอยพิทักษ์ปกป้องประเทศ สัญลักษณ์ของท่านคือ เครื่องดนตรีผีผา
ท้าวธตรฐมหาราช (Dhritarastra) หรือ ฉือกั๋วเทียนหวาง (持国天王) หมายถึง มหาราชาผู้พิทักษ์ปกป้องประเทศ นามเดิมของท่านคือ ตัวหลัวจา (多罗吒) หรือบ้างก็เรียกว่า หมอลี่โซ่ว (魔礼寿) กล่าวกันว่า ภายหลังจากที่ท้าวธตรฐมหาราชได้ปวารณาตัวเพื่อรับใช้พระพุทธศาสนาแล้วนั้น พระพุทธองค์ทรงมอบหมายให้ท่านมีหน้าที่ในการคุ้มครองอาณาจักรหรือดินแดนใด ๆ ที่นับถือในพระพุทธศาสนาให้มีแต่ความสงบสุขและร่มเย็น โดยท้าวธตรฐมหาราชได้ปกครองประจำตำแหน่งบูรพา(ทิศตะวันออก) ของเขาซวีหมีซาน(เขาพระสุเมรุ) บนผืนแผ่นดินแห่งทองคำ
ลักษณะของท้าวธตรฐมหาราชนั้น แต่งกายด้วยชุดนักรบสวมชุดเกราะดั่งแม่ทัพใหญ่ มีพระพักตร์สีขาว พระหัตถ์ทรงถือเครื่องดนตรีจีนชนิดหนึ่งที่คล้ายกับพิณสี่สาย เรียกกันว่า ผีผา ยามใดที่ดีดผีผาขึ้นมา เสียงดนตรีจะบังเกิดเป็นท่วงทำนองอันกึกก้อง สำหรับประเทศใดที่นับถือในพระพุทธศาสนา เสียงดนตรีนั้นจะมีความไพเราะ แต่สำหรับอาณาจักรใดที่คิดทำลายประเทศแห่งพระพุทธศาสนา เสียงดนตรีจะกลีบกลายมาเป็นลูกไฟดวงใหญ่จำนวนมากมายที่ตกลงมาจากฟากฟ้า ด้วยเหตุนี้ ท้าวธตรฐมหาราชจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งการควบคุมภูมิอากาศบนโลกมนุษย์
เสียงดนตรีของผีผาที่ดังเป็นท่วงทำนองอันไพเราะนั้น จึงตรงกับอักษรจีนว่า เถียว (调) ที่แปลว่า จังหวะทำนอง ดังนั้น ในอักษรมงคล เฟิงเถียวอวี่ซุ่น(风调雨顺) ซึ่งหมายถึง สะดวกราบรื่นและสำเร็จดั่งใจหมาย ตัวอักษร เถียว(调) ในที่นี้จึงหมายถึง ท้าวธตรฐมหาราช(ฉือกั๋วเทียนหวาง)
ตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับท้าวธตรฐมหาราช มีปรากฏในเทพนิยายอิงพงศาวดารเรื่อง เฟิงเสินเอี่ยนอี้ (พงศาวดารประกาศิตสวรรค์ตั้งเทพเจ้า) เล่าถึงพญาอสูรสี่พี่น้องที่เฝ้ารักษาด่านเจียเมิ่งกวน โดยมีอสูร “หมอลี่โซ่ว” เป็นพี่ใหญ่ ที่เป็นผู้นำพี่น้องอสูรทั้งสี่ในการทำสงคราม และมีผีผาเป็นอาวุธที่ใช้แผ่พลังคลื่นเสียงทำลายศัตรู ส่วนในตำนานเรื่องไซอิ๋วนั้น มีกล่าวถึงท้าวจตุโลกบาลว่าได้เข้าร่วมกับกองทัพสวรรค์เข้าล้อมจับกุมตัวซุนหงอคง(เห้งเจีย)
ท้าววิรุฬหกมหาราช 增长天王
ท้าววิรุฬหกมหาราช หรือ เจิงจ่างเทียนหวาง (增长天王) ปกครองประจำตำแหน่งทิศใต้ คอยพิทักษ์ปกป้องพระธรรม สัญลักษณ์ของท่านคือกระบี่วิเศษ
ท้าววิรุฬหกมหาราช(Virudhaka) หรือ เจิงจ่างเทียนหวาง (增长天王) หมายถึง มหาราชาผู้พิทักษ์ปกป้องพระธรรม นามเดิมของท่านคือ ผีหลิวหลี(批琉璃) หรือบ้างเรียกในชื่ออสูรว่า หมอลี่ชิง(魔礼青) ภายหลังจากที่ท้าววิรุฬหกมหาราชได้ปวารณาตัวเพื่อรับใช้พระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ได้ทรงหมายหน้าที่ให้ท่านมีหน้าที่ในการคุ้มครองพระธรรมคัมภีร์ของพระพุทธศาสนาให้ปลอดภัย รวมทั้งให้พระธรรมขจรไกลไปสู่ดินแดนต่าง ๆ อย่างกว้างไกล โดยท้าววิรุฬหกมหาราชได้ปกครองประจำตำแหน่งทักษิณ(ทิศใต้) ของเขาซวีหมีซาน (เขาพระสุเมรุ) บนผืนแผ่นดินแห่งกระจก
ลักษณะของท้าววิรุฬหกมหาราชนั้น แต่งกายด้วยชุดนักรบสวมชุดเกราะดั่งแม่ทัพใหญ่ มีพระพักตร์สีเขียวเข้ม(บ้างว่าเป็นสีน้ำเงิน) พระหัตถ์ทรงถือไว้ด้วยกระบี่วิเศษที่มีสีเขียวคราม เรียกกันว่า ชิงเฟิงเป่าเจี้ยน (青峰宝剑) กระบี่เล่มนี้มีความแหลมคมดั่งสิ่งวิเศษ ตัดฟันสิ่งใดล้วนขาดสบั้น บ้างก็กล่าวว่าท้าววุรุฬหกมหาราชมีมหามนตรา จึงสามารถใช้เวทมนต์ให้บังเกิดเป็นเปลวไฟที่มีพลังอำนาจอันร้ายแรง และกระบี่วิเศษของท่านนั้น ยามใดที่สะบัดออกก็จะบังเกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ
ดังนั้น ความแหลมคมของตัวกระบี่ชิงเฟิงเป่าเจี้ยนได้เป็นที่มาของความหมายประจำตัวท่าน เพราะคำว่า “เฟิง”(锋) ที่มาจากชื่อกระบี่ ออกเสียงเหมือนกับคำว่า “เฟิง”(风) ที่แปลว่า ลม อีกทั้งลักษณะของกระบี่เมื่อยามสะบัดออกจะบังเกิดเป็นลมพายุขนาดใหญ่ จึงมีความหมายว่า “เฟิง” (风) เช่นกัน ในอักษรมงคลคำว่า เฟิงเถียวอวี่ซุ่น (风调雨顺) ที่หมายถึง สะดวกราบรื่นและสำเร็จดั่งใจหมายนั้น อักษร “เฟิง”(风) ในที่นี้จึงหมายถึง ท้าววิรุฬหกมหาราช (เจิงจ่างเทียนหวาง)
ตำนานเกี่ยวกับท้าววิรุฬหกมหาราช มีปรากฏในเทพนิยายอิงพงศาวดารเรื่อง เฟิงเสินเอี่ยนอี้ (พงศาวดารประกาศิตสวรรค์ตั้งเทพเจ้า) และเรื่อง ไซอิ๋ว (บันทึกท่องตะวันตก)เช่นเดียวกับท้าวจตุโลกบาลองค์อื่น ๆ
ท้าววิรูปักษ์มหาราช 广目天王
ท้าววิรูปักษ์มหาราช หรือกว่างมู่เทียนหวาง (广目天王) ปกครองประจำตำแหน่งทิศตะวันตก คอยพิทักษ์ปกป้องประชาราษฏร์ สัญลักษณ์ของท่านคือ มังกรแดง
ท้าววิรูปักษ์มหาราช (Virupaksa) หรือกว่างมู่เทียนหวาง (广目天王)หมายถึง มหาราชาผู้พิทักษ์ปกป้องอาณาประชาราษฏร์ นามเดิมของท่านคือ ผีหลิวปอชา (毗留播叉) หรือบ้างเรียกในชื่ออสูรว่า หมอหลี่หง (魔礼红) ภายหลังจากที่ท้าววิรูปักษ์มหาราชได้ปวารณาตัวเพื่อรับใช้พระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ได้ทรงหมายหน้าที่ให้ท่านมีหน้าที่ในการสอดส่องดูแลอาณาประชาราษฏร์ให้ตั่งมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดี ด้วยท่านเป็นผู้ที่มีดวงตาที่สาม จึงสามารถมองเห็นได้กว้างไกลนับพันลี้ และสามารถล่วงรู้การกระทำของมนุษย์โลกทุกรูปนาม โดยท้าววิรูปักษ์มหาราชได้ปกครองประจำตำแหน่งประจิม (ทิศตะวันตก) ของเขา ซวีหมีซาน (เขาสุเมรุ) บนผืนแผ่นดินแห่งเงินขาว
ลักษณะของท้าววิรูปักษ์มหาราชนั้น แต่งกายด้วยชุดนักรบสวมชุดเกราะดั่งแม่ทัพใหญ่ มีพระพักตร์สีแดง รอบ ๆ แขนเสื้อของพระกรข้างขวา จะมีมังกรสีแดงรัดพันอยู่โดยรอบ(บ้างมีการสร้างรูปเคารพของท่านให้เป็นงูสีแดงแทน) ส่วนพระกรข้างซ้ายจะยกชูขึ้นเสมอ ในฝ่าพระหัตถ์จะมีไข่มุก(อัญมณี) วิเศษที่ส่องประกายแวววาว (ความหมายของไข่มุกที่มีลักษณะทรงกลม ยังเปรียบแทนโลกมนุษย์เช่นกัน) กล่าวกันว่าด้วยเพราะท่านมีสายตากว้างไกล จึงล่วงรู้การกระทำของมนุษย์ว่า ผู้ใดบ้างที่ดูหมิ่นดูแคลนพระพุทธศาสนา มังกร(งู) สีแดง ที่เลื้อยอยู่บนพระกรจะพุ่งเข้าไปรัดพันและจับตัวผู้นั้นมาลงทัณฑ์ ต่อมามีผู้เห็นว่าลักษณะของมังกรหรืองูไม่น่าดู จึงเปลี่ยนมาเป็น “เชือกสีแดง” แทน
นอกจากนี้ ในบันทึกโบราณที่กล่าวถึงท้าววิรูปักษ์มหาราชจะจับตัวจิ้งจอกลายชนิดหนึ่งเอาไว้ เรียกว่าตัว “หูเตียว”(狐貂)และในภาษาโบราณสัตว์ตัวนี้จะเรียกว่า “เซิ่น”(蜃) ทำให้ในเวลาต่อมา อักษรตัว “เซิ่น” ถูกมองว่า มีเสียงคล้ายคลึงกับตัว “ซุ่น” (顺)ที่แปลว่า สะดวกราบรื่น จึงถูกนำมาใช้ผสมรวมกับคำอื่น ๆ จนกลายมาเป็นอักษรมงคลดังกล่าว
ดังนั้น อักษรมงคลคำว่า เฟิงเถียวอวี่ซุ่น (风调雨顺)ที่หมายถึง สะดวกราบรื่นและสำเร็จดั่งใจหมาย นั้น อักษร “ซุ่น” (顺)ในที่นี้ จึงหมายถึง ท้าววิรูปักษ์มหาราช (กว่างมู่เทียนหวาง)
ตำนานเกี่ยวกับท้าววิรูปักษ์มหาราช มีปรากฏในเทพนิยายอิงพงศาวดารเรื่อง เฟิงเสินเอี่ยนอี้ (พงศาวดารประกาศิตสวรรค์ตั้งเทพเจ้า) และเรื่อง ไซอิ๋ว (บันทึกท่องตะวันตก) เช่นเดียวกับท้าวจตุโลกบาลองค์อื่น ๆ
ท้าวเวสสุวัณมหาราช 多闻天王
ท้าวเวสสุวัณมหาราช (ท้าวกุเวรมหาราช) หรือ ตัวเหวินเทียนหวาง (多闻天王) ปกครองประจำตำแหน่งทิศเหนือ คอยพิทักษ์ปกป้องให้มั่งคั่งร่ำรวย สัญลักษณ์ของท่านคือร่มวิเศษ
ท้าวเวสสุวัณมหาราช (Vaisravana) หรือ ตัวเหวินเทียนหวัง (多闻天王) หมายถึง มหาราชาผู้คอยคุ้มครองให้มนุษย์มีวิถีชีวิตที่กินดีอยู่ดีและมีความมั่งมีมั่งคั่ง ทำให้ในกลุ่มท้าวจตุโลกบาลทั้งหมด ท้าวเวสสุวัณมหาราชจะมีผู้กราบไหว้บูชามากเป็นพิเศษ นานวันเข้า ท่านจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยเรียกกันว่า “ท้าวกุเวรมหาราช” นามเดิมของท่านคือ ผีซาเหมิน (毗沙门) หรือบ้างเรียกในชื่ออสูรว่า หมอหลีไห่ (魔礼海) ภายหลังจากที่ท้าวเวสสุวัณมหาราชได้ปวารณาตัวเพื่อรับใช้พระพุทธศาสนาแล้วนั้น พระพุทธองค์ได้ทรงหมายหน้าที่ให้ท่านมีหน้าที่ในการช่วยเหลือมนุษย์ไม่ให้ประสบกับความยากลำบากและยากจน ดังนั้น จึงได้มอบให้ท่านช่วยเหลือในการประทานทรัพย์สินเงินทองให้แก่คนผู้นั้น แต่ทว่า ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือให้พบกับความมั่งคั่งร่ำรวยนั้น จะต้องเป็นคนดีและตั้งมั่นในคุณธรรม โดยท้าวเวสสุวัณมหาราชได้ปกครองประจำตำแหน่งอุดร (ทิศเหนือ) ของเขาซวีหมีซาน(เขาพระสุเมรุ) บนผืนแผ่นดินแห่งแก้วผลึก
ลักษณะของท้าวเวสสุวัณมหาราชนั้น แต่งกายด้วยชุดนักรบสวมชุดเกราะ ดั่งแม่ทัพใหญ่ มีพระพักตร์สีเขียว พระหัตถ์ขวาถือร่มวิเศษที่มีพลังอำนาจในการป้องกันพายุและเมฆฝน เมื่อใดที่กางร่มออก จะบังเกิดเป็นความมืดดำทมึนไปทั่วท้องฟ้า และทันทีที่หุบร่มเข้า ก็จะทำให้แผ่นดินไหวสะเทือนเลือนลั่น ในเทพจตุมหาราชานั้น ยกให้ท้าวเวสสุวัณมหาราชมีอิทธิฤทธิ์ที่น่ากลัวที่สุด
ในภาคประทานพรนั้น ท้าวเวสสุวัณมหาราชจะถูกเรียกเป็น ท้าวกุเวรมหาราช ในพระหัตถ์ซ้ายจะถือตัวหนูเทพหรือพังพอนเอาไว้ กล่าวว่า น้ำลายของพังพอนตัวนี้เมื่อยามคายออก จะกลายมาเป็นเพชรนิลจินดามากมายที่จะให้แก่ผู้ประกอบแต่คุณงามความดีเหล่านั้น
อนึ่ง บางครั้งลักษณะของท้าวเวสสุวัณมหาราช (ท้าวกุเวรมหาราช) จะเปลี่ยนมาให้ท่านอยู่ในลักษณะการอุ้มเจดีย์แทน (เจดีย์เป็นสัญลักษณ์แทนความหมายถึงโลก และบนยอดหลังคาเจดีย์จะเป็นสัญลักษณ์แทนสวรรค์) และด้วยการที่รูปลักษณะของท้าวเวสสุวัณจะมีร่มวิเศษอยู่ในพระหัตถ์เสมอ ทำให้การตีความหมายเกี่ยวกับท่านจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์แทนความหมายของ “ฝน” ที่ต้องใช้ร่มในยามฝนตก
ดังนั้น อักษรมงคลคำว่า เฟิงเถียวอวี่ซุ่น (风调雨顺) ที่หมายถึงสะดวกราบรื่นและสำเร็จดั่งใจหมายนั้น อักษร “อวี่”(雨)ที่แปลว่า ฝน ในที่นี้ จึงหมายถึง ท้าวเวสสุวัณมหาราช หรือ ท้าวกุเวรมหาราช หรือ ตัวเหวินเทียนหวาง
อ้างอิงจาก : หนังสือ 108 สิ่งมิ่งมงคลจีน – ปิยะแสง จันทรวงศไพศาล
รูป : wikipedia/baidu